ปากพนัง “หนีเสือปะจระเข้”น้ำลดแต่กลับโดนคลื่นยักษ์ถล่มยับคาดอ่วมอรทัยข้ามปี

วันที่ 30 ธันวาคม 2016
4,076 views

ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช หนีเสือปะจระเข้ระดับน้ำที่ท่วมขังลดลงเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ แต่กลับโดนคลื่นยักษ์พัดถล่มตลอดแนวชายฝั่งคาดอ่วมข้ามปี-เรียกร้องเร่งสร้างแนวคันกันคลื่น “แหลมตะลุมพุกโมเดล”

จากการเดลินิวส์นำเสนอข่าวเกาะติดข่าวชาว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช รวมตัวกันก่อตั้งชมรมคนลุ่มน้ำพึ่งพาตนเอง เรียกร้องทวงคืนโฉนดทะเลซึ่งถูกคลื่นยักษ์พัดถล่มกัดเซาะต่อเนื่องยาวนานกว่า 40 ปีทำให้ที่ดินของชาวบ้านตลอดแนวชายฝั่งถูกทะเลกลืนไปเป็นระยะทางเกือบ 1 กม. และเรียกร้องให้ก่อสร้างแนวคันกั้นคลื่นตลอดแนวชายฝั่ง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จนรัฐบาล และ คสช.ได้อนุมัติงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาทให้กรมเจ้าท่าและกรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งทำการก่อสร้างแนวคันกั้นคลื่นตลอดแนวชายฝั่ง ท่ามกลางความดีใจของชาวบ้าน ในขณะที่ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม 25599 ตลอดมาได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2559 จนต้องประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉอินทั้ง 23 อำเภอ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 5 อำเภอยังถูกน้ำท่วมขังเต็มพื้นที่ ตามที่เสนอข่าวมาตามลำดับแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังหลังจากที่ระดับน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ แต่กลับมีปัญหาในพื้นที่ตลอดแนวชายฝังเมื่อโดนคลื่นยักษ์ความสูง 2-3 เมตรพัดถล่มอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ชาวประมงพื้นบ้านยังไม่สามารถนำเรือประมงขนาดเล็กออกไปประกอบอาชีพจับปลาและสัตว์น้ำได้

จากการตรวจสอบพบว่าคลื่นยักษ์พัดถล่มแนวชายฝั่งตั้งแต่ ต.แหลมตะลุมพุก ปากพนังฝั่งตะวันออก บางพระ บ้านเพิง ท่าพญา และ ต.ขนาบนาค รวมทั้งตลอดแนวชายฝั่งของ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราชและ อ.ระโนด จ.สงขลา โดยเป็นที่น่าสังเหตุว่าตลอกแนวชายฝั่งที่มีการก่อสร้างแนวคนกั้นคลื่นแบบ “แหลมตะลุมพุกโมเดล” แม้จะโดนคลื่นยักษ์พัดถล่มอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ประสบปัญหาการกัดเซาะที่ดินรวมทั้งยังลดระดับความรุนแรงของคลื่นลงได้อย่างชัดเจน ในขณะที่คลื่นยักษ์ได้พัดพาเอาทรายจากทะเลมาทับถมในพื้นที่ที่เว้าแหว่งทั้งด้านหน้าและด้านหลังของแนวคนกั้นคลื่น โดยคาดว่าในช่วงประมาณ 2 ปี พื้นที่หลังแนวตันกั้นคลื่นจะกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม

ส่วนแนวชายฝั่งในจุดที่ยังไม่มีการสร้างแนวคนกั้นคลื่น หรือเคยสร้างแนวคันกั้นคลื่นแบบต่าง ๆ กลับโดนคลื่นซัดกัดเซาะอย่างหนัก โดยเฉพาะ ต.ท่าพญา ต.บ้านเพิง และ ต.ขนาบนาค ตลอดแนวถนนสาย 4013 ปากพนัง-หัวไทร เต็มไปด้วยซากสิ่งปฏิกูลที่โดนคลื่นพัดพาขึ้นมาจากทะเลกระจายเกลื่นชายหาดและเกลื่อนถนนสายดังกล่าว ทำให้การสัญจรมาเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องใช้ความระทัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนั้นตลอดแนวชายฝั่ง พบซากบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นพัดถล่มจนต้องทิ้งร้างเรียงรายอยู่ตลอดแนวชายฝั่งเป็นระยะ ๆ เหลือบ้านเรือนที่ประชาชนยังทนอยู่อาศัยและสถานที่ราชการที่มีการสร้างแนวคันกั้นคลื่นอยู่เพียง 20 หลังเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนี้ 3-4 หลังอยู่ในสภาพจะพังเหล่มิพังเหล่

ในส่วนจุดที่คลื่นพัดถล่มรุนแรงมากที่สุดเป็นจุดที่ ต.ขนาบนาค ซึ่งทางราชการได้ก่อสร้างกำแพงกั้นคลื่นแบบใช้เสาเข็มปักเป็นแนวกำแพงตลอดแนวชายฝั่งระยะทางกว่า 2 กม.แทนที่จะเป็นการป้องกันคลื่นยักษ์พัดกัดเซาะกลับกลายเป็นการเพิ่มความรุนแรงของคลื่นที่พัดเข้ามากระทบกับแนวกำแพงเสาเข็ม จนเสาเข็มหักโค่น แตกพังเสียหายเป็นช่วง ๆโดยคลื่นจากทะเลพัดเข้ามาปะทะกับแนวกำแพงเสาเข็มอย่างรุนแรงจนสาดกระเซ็นขึ้นสูงถึงยอดเสาไฟฟ้าและยังแผ่ปกคลุมถึงผิวการจราจรเป็นระยะอย่างน่าหวาดกลัว ทางราชการได้นำหินใหญ่มาทิ้งเป็นแนวด้านหลังกำแพงเศษเข็มอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมแต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

นายเที่ยว จันทร์นวล อายุ 69 ปี เลขที่ 45/1 หมู่ 10 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนถอยร่นหนีคลื่นมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีรวมระยะทางกว่า 500 เมตร จนในปัจจุบันไม่มีที่จะถอยหนีอีกแล้ว ทุกวันนี้ 8 ชีวิตครอบครัวตนยอมทนเสี่ยงภัยคลื่นยักษ์ที่พัดถล่มอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2559 โดนถล่มหนักถึง 3 ละลอกแล้วและคาดว่าคลื่นยักษ์จะพัดถล่มแนวชายฝั่งยาวนานต่อไปข้ามปีอย่างแน่นอน แม้ทางรัฐบาลจะให้งบประมาณจำนวน 73 ล้านบาทมาก่อสร้างแนวคันกันคลื่นในบริเวณนี้ระยะทาง 2.2 กม.และเปิดประมูลการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่สามารถก่อสร้างได้ประกอบกับในช่วงมรสุม แต่แม้จะหมดช่วงมรสุมในอีกประมาณ 10-20 วันข้างหน้าก็ยังก่อสร้างไม่ได้อยู่ดี เนื่องจากบริษัทที่ชนะการประมูลไม่มีผลงานทางทะเล ถือว่าขาดคุณสมบัติจนทางกรมโยธาธิการและผังเมืองตัดทิ้งไปบริษัท ฯดังกล่าวจึงมีปัญหาการร้องเรียนฟ้องร้องอยู่ อาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ปีกว่าการฟ้องร้องจะถึงที่สุดยุติคดี

หากให้ครอบครัวตนรออีก 3 ปี ถึงวันนั้นครอบครัวของตนอาจจะสินเนื้อประดาตัวไปแล้ว หรือตนอาจจะตายไปแล้วก็ได้ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล และ คสช.เร่งแก้ปัญหาให้สามารถก่อสร้างแนวคันกั้นคลื่นได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะเป็นบริษัทไหนก่อสร้างถ้าเป็นไปได้ขอแนวคันกั้นคลื่นแบบแหลมตะลุมพุกโมเดลเพราะแบบอื่น ๆ ตนไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายเที่ยว กล่าวในที่สุด.

15621692_1203770242991969_6067222510258237625_n 15698080_1203770476325279_3333484970170478884_n 15727041_1203770466325280_6576658284170694122_n 15740917_1203769949658665_73329828933048097_n 15741013_1203769966325330_8286676175555118349_n 15780894_1203770026325324_6722310051135206256_n 15780898_1203770656325261_7288264267980736622_n 15781034_1203770239658636_1226040762790305089_n 15781180_1203769969658663_8915812991101239465_n 15781413_1203770099658650_5968751159148923655_n 15823092_1203770079658652_6614518829740386165_n 15823606_1203770442991949_7902011139841378546_n

เครดิต : ไพฑูรย์ อินทศิลา

ร่วมแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ปากพนัง “หนีเสือปะจระเข้”น้ำลดแต่กลับโดนคลื่นยักษ์ถล่มยับคาดอ่วมอรทัยข้ามปี