ชูร์เลซูเปอร์ซัพ! เสือเหลืองไล่เจ๊าราชันท้ายเกม (มีคลิป)

ทางฝั่งเจ้าบ้านจัดทัพใหญ่ลงสนาม โรมัน เบอร์กี้ เป็นผู้รักษาประตู คู่กองหลังเป็น โซเครติส กับ มัทธิอัส กินเทอร์ แดนกลางเป็น จูเลียน ไวเกิ้ล, กอนซาโล คาสโตร และ มาริโอ เกิทเซ โดยมี อุสมาเน เดมเบเล และ ราฟาเอล เกร์เรโร เป็นปีกด้านข้าง หน้าเป้าเป็น ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง

ทางฝั่งทีมเยือนผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามพร้อมหน้าเช่นกัน เคย์เลอร์ นาบาส เป็นผู้รักษาประตู ราฟาเอล วารานและ เซร์คิโอ รามอส เป็นคู่กองหลัง แดนกลางเป็น ลูก้า โมดริช, โทนี โครสและ ฮาเมส โรดริเกวซ สามประสานในแดนหน้าเป็น แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซมาและ คริสเตียโน โรนัลโด้

โอกาสแรกของทีมเยือนในนาทีที่ 3 จากลูกฟรีคิกของ คริสเตียโน โรนัลโด้ แต่ โรมัน เบอร์กี้ ยังพุ่งปัดบอลเอาไว้ได้ และนาทีที่ 5 โอกาสของเจ้าบ้านจากลูกฟรีคิกเช่นกันของ กอนซาโล คาสโตร แต่ เคย์เลอร์ นาบาส ก็ยังลอยตัวปัดไว้ได้

นาทีที่ 11 ดอร์ทมุนด์พลาดโอกาสได้จุดโทษจากจังหวะยิงลูกฟรีคิกของ โอบาเมยอง บอลไปโดนแขน คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่เหมือนจะกางออกมาเล็กน้อยแต่ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าให้เป็นลูกจุดโทษแก่เจ้าบ้าน

เรอัล มาดริดได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 18 จากจังหวะสวนกลับ ลูก้า โมดริช วางบอลให้ คาริม เบนเซมา ก่อนไหลต่อให้ โทนี โครส รับบอลก่อนจ่ายออกไปให้ ฮาเมส โรดริเกวซ ที่ได้บอลและไหลต่อไปให้ แกเร็ธ เบล ที่วิ่งเข้ามารับบอลและตอกส้นต่อให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ ยิงเข้าประตูไป ทีมเยือนออกนำ 1-0

นาทีที่ 25 โอกาสอีกครั้งของเสือเหลืองจาก มาริโอ เกิทเซ แตะให้ โอบาเมยอง ก่อนจะไหลต่อไปให้ อุสมาเน เดมเบเล ล็อคหลบหนึ่งจังหวะก่อนตัดเข้าในมายิงแต่ติดบล็อค เซร์คิโอ รามอส ข้ามคานไปแบบได้ลุ้น

โอกาสอีกครั้งของเจ้าบ้านในนาทีที่ 33 จากลูกเตะมุมของเข้ามาเป็น โซเครติส ได้เทคตัวขึ้นโหม่งแต่ยังไปตรงตัวของ เคย์เลอร์ นาบาส ที่ทุบบอลทิ้งออกมาได้

นาทีที่ 43 เจ้าบ้านได้ประตูตีเสมอ จากลูกฟรีคิก ของ ราฟาเอล เกร์เรโร ปั่นฟรีคิกลูกบอลทิศทางตรงกลางประตู เคย์เลอร์ นาบาส ตัดสินใจชกบอลแต่บอลไปโดนตัว ราฟาเอล วาราน บอลกระดอนมาเข้าทาง โอบาเมยองซ้ำจ่อๆเข้าไป สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1

เรอัล มาดริดพลาดโอกาสได้ประตูที่ 2 จากจังหวะที่ คาริม เบนเซมา เปิดลูกเข้ามาหน้าเขตโทษให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ โหม่งย้อนศรเข้าประตูไป แต่ไลน์แมนยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าทำให้สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0 และจบครึ่งแรกไป

ช่วงต้นครึ่งหลังเป็นดอร์ทมุนด์ครองเกมบุกอย่างต่อเนื่องและได้โอกาสยิง จาก อุสมาเน เดมเบเล ที่ได้โอกาสเลี้ยงเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนล็อคหลบกองหลังและซัดบอลข้ามคานไป และโอกาสจาก โอบาเมยอง ที่เลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษก่อนเอี้ยวตัวปั่นด้วยขวาแต่ยังไม่ผ่านมือ เคย์เลอร์ นาบาส

นาทีที่ 62 โอกาสสวนกลับของเรอัล มาดริด จากบอลโยนยาวไปที่ แกเร็ธ เบล เลี้ยงเข้ากรอบเขตโทษก่อนปาดเข้ากลางให้ คาริม เบนเซมา เข้าชาร์จแต่ติดบล็อคกองหลังทำให้เข้ามือ โรมัน เบอร์กี้ แบบสบายๆ

เรอัล มาดริดได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 68 จากจังหวะที คริสเตียโน โรนัลโด้ เปิดบอลเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษเป็น คาริม เบนเซมา โฉบมายิงจังหวะแรกไปชนคานและบอลไปเข้าทางของ ราฟาเอล วาราน ซ้ำจ่อๆเข้าไป ทีมเยือนแซงนำ 2-1

เจ้าบ้านเกือบได้ประตูตีเสมอทันควันจากจังหวะ เซร์คิโค รามอส โหม่งเคลียร์ลูกเปิดไม่ดีมาเข้าทาง ราฟาเอล เกร์เรโร ที่จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยขวาบอลพุ่งเข้ากรอบแต่ยังไม่ผ่านมือของ เคยเลอร์ นาบาส ที่ปัดบอลออกหลังไปได้

นาทีที่ 82 โอกาสใกล้เคียงอีกครั้งของเจ้าบ้านจากจังหวะดักบอลพลาดอของ เซร์คิโอ รามอส และเป็น คริสเตียน พูลิซิช ตัวสำรองฉกบอลเข้ากรอบเขตโทษก่อนสับไกยิง เคย์เลอร์ นาบาส เซฟจังหวะแรกก่อนที่ ดาเนียล การ์บาฆาล จะมาสกัดออกหลังไปได้หวุดหวิด

ดอร์ทมุนด์ได้ประตูตีเสมอจนได้ในนาทีที่ 87 จากจังหวะที่ คริสเตียน พูลิซิช เลี้ยงบอลหนีตัวประกบก่อนเปิดเข้าเขตโทษ บอลเลยมาถึง อังเดร ชูร์เล จับหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งเสยเพดานตาข่ายบนสุดสวย สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้ง 2-2

จบเกมทั้งสองทีมเสมอกันไป 2-2 แบ่งกันไปทีมละแต้ม และทำให้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังคงรักษาสถิติไม่เคยแพ้ เรอัล มาดริด ในบ้านในเกมยุโรปได้ต่อไป

Goal.com